ทะเลอันดามัน

ทะเลอันดามัน (อังกฤษ: Andaman Sea) เป็นทะลที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเบงกอล ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย ทางเหนือของทะเลติดกับปากแม่น้ำอิระวดีในประเทศพม่า ทางตะวันออกเป็นคาบสมุทรพม่า ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ทางตะวันตกเป็นหมู่เทะเลอันดามัน เป็นทะลที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเบงกอล ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย ทางเหนือของทะเลติดกับปากแม่น้ำอิระวดีในประเทศพม่า ทางตะวันออกเป็นคาบสมุทรพม่า ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ทางตะวันตกเป็นหมู่เกาะอันดามัน และหมู่เกาะนิโคบาร์ ภายใต้การปกครองของอินเดีย ทางใต้ติดกับเกาะสุมาตรา (ส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย) และช่องแคบมะละกา ทะเลอันดามันมีความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 1,200 กิโลเมตร กว้าง 650 กิโลเมตร กินพื้นที่ประมาณ 797,700 ตร.กม. มีความลึกเฉลี่ย 870 เมตร จุดที่ลึกที่สุดมีระดับความลึก 3,777 เมตร

แหล่งที่มา :th.wikipedia.org/wiki/

เทคนิคเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ทันสมัยและสามารถประยุกต์ใช้งานกับชีวิตประจำวันให้เกิดประสิทธิภาพ

                            30 วิธีเพื่อความปลอดภัยในการใช้อินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตมีประโยชน์อย่างมาก จึงทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างแพร่หลาย บุคคลที่ใช้อินเทอร์เน็ตจึงมีหลายจุดประสงค์ ทั้งใช้งานในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และการใช้งานที่เป็นผลร้ายต่อบุคคลอื่น ดังนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ทำการแปลและเรียบเรียงวิธีการใช้งาน อินเทอร์เน็ตเบื้องต้น สำหรับผู้ที่เริ่มใช้งาน เพื่อจะได้ปลอดภัย จากภัยร้ายบนอินเทอร์เน็ต

1. เมื่อเริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ควรปรึกษาผู้ใหญ่เกี่ยวกับแนวทางในการใช้ในการใช้อินเทอร์เน็ตต่อวัน และเมื่อผู้ใช้มีความรู้ และคุ้นเคยในการใช้งานจริงบ้างแล้ว จึงค่อยปรับเปลี่ยนแนวทางในใช้เวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตให้เหมาะสมต่อไป และควรเขียนแนวทางในการใช้อินเทอร์เน็ตติดไว้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ เพื่อความสะดวกในการจัดระบบการใช้อินเทอร์เน็ต
2. อย่าให้รหัสลับแก่ผู้อื่น
3. ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ ทุกครั้งที่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
4. ตรวจทานว่าได้พิมพ์ชื่อเว็บไซด์ถูกต้องเสียก่อน แล้วจึงกด Enter เพื่อจะได้เข้าเว็บไซด์ที่ต้องการได้ถูกต้อง
5. ปรึกษาผู้ใหญ่ ก่อนเข้าใช้ห้องสนทนาบนอิน เทอร์เน็ต เพราะว่าห้องสนทนาแต่ละห้องมีการสนทนาที่แตกต่างกัน บางห้องอาจไม่เหมาะสม
6. ถ้าพบเห็นข้อความ หรือสิ่งใด ที่ไม่เหมาะสม หรือ คิดว่าไม่ดีต่อการใช้อินเทอร์เน็ต ควรออกจากเว็บไซด์นั้น และแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบทันที
7. อย่าส่งรูปภาพของตนเอง หรือรูปภาพของผู้อื่น ให้คนอื่นทางอีเมลล์ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่เสียก่อน
8. ถ้าได้รับอีเมลล์ที่มีข้อความไม่เหมาะสมหรือทำให้ไม่สบายใจ ไม่ควรโต้ตอบ และควรบอกให้ผู้ใหญ่ทราบก่อนทันที
9. บนอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างที่คุณเห็นไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
10. อย่าบอกอายุจริงของคุณกับคนอื่น ถ้ามีความจำเป็นควรปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน
11. อย่าบอกชื่อจริง และนามสกุลจริงกับบุคคลอื่น ถ้ามีความจำเป็นควรปรึกษา และขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อน
12. อย่าบอกที่อยู่ ของคุณกับบุคคลอื่น
13. ปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนทุกครั้งที่จะทำการลงทะเบียนใด ๆ บนอินเทอร์เน็ต
14. อย่าให้หมายเลขของบัตรเครดิตการ์ดของคุณกับบุคคลอื่น ถ้ามีความจำเป็นควรปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน
15. ขณะที่ใช้อินเทอร์เน็ต ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา คุณสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการได้
16. อย่าเปิดเอกสารหรืออีเมลล์หรือไฟล์ จากบุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก เพราะอาจมีไวรัส หรือข้อมูลไม่เหมาะสม มากับเอกสารหรืออีเมลล์นั้น
17. ควรวางเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในสถานที่ที่สะดวกในการดูแลเอาใจใส่ เช่น ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องส่วนรวม
18. อย่าตัดสินใจที่จะไปพบบุคคลอื่นซึ่งรู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ และถ้ามีการนัดพบกันไม่ควรไปเพียงลำพัง ควรมีผู้ใหญ่หรือคนที่รู้จักหรือเพื่อนไปด้วย และควรนัดพบกันในที่สาธารณะ
19. บนอินเทอร์เน็ตข้อมูลต่าง ๆ ที่เราพิมพ์ลงไป บุคคลอื่นที่เราไม่รู้จักสามารถล่วงรู้ได้ จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง
20. อย่าบอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณกับบุคคลอื่น ในอินเทอร์เน็ต
21. พูดคุยกับผู้ใหญ่อย่างสม่ำเสมอ เกี่ยวกับสถานที่ กิจกรรม และสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็น บนอินเทอร์เน็ตที่ได้พบเห็น ระหว่างการใช้อินเทอร์เน็ต
22. ใช้ชื่อที่ต่างจากชื่อจริง และชื่อเล่นของตัวเองเพื่อใช้แทนตัวเอง ในขณะใช้อินเทอร์เน็ต
23. ควรปรึกษาผู้ใหญ่ ถ้าต้องการที่จะให้อีเมลล์แอดเดรสกับบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
24. ถ้ามีบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ไม่ควรให้ข้อมูล และควรหยุดการสนทนานั้น
25. อย่าบอกชื่อ ที่อยู่ของโรงเรียนของคุณ กับบุคคลอื่นบนอินเทอร์เน็ต
26. ขณะใช้อินเทอร์เน็ตไม่ควรเชื่อคำพูดหรือข้อมูลของบุคคลอื่น เพราะการปลอมตัวทำได้ง่าย และอาจไม่เป็นความจริง
27. อย่าทำสิ่งผิดกฎหมายบนอินเตอร์เน็ต เช่น ถ้าไม่เคยใช้บัตรเครดิต ก็ไม่ควรกรอกข้อมูลในการซื้อของ โดยใช้บัตรเครดิต บนอินเทอร์เน็ต
28. เมื่อมีใครบางคนให้เงินหรือของขวัญ ฟรี ๆ กับคุณ ควรบอกปฏิเสธ และบอกให้ผู้ใหญ่ทราบทันที
29. อย่าใช้คำไม่สุภาพ ขณะใช้อินเทอร์เน็ต
30. คุณต้องออกจากอินเทอร์ได้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ต

แหล่งที่มา : portal.in.th/inter-korn/pages/2408/

Weblog มีประโยชน์อย่างไรกับแวดวงธุรกิจในปัจจุบัน

               Webblog  มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจในปุจจุบัน

ปัจจุบันนี้ บริษัทชั้นนำต่าง ๆ ของโลก ได้หันมาจับตามอง Blog ซึ่งเป็นรูปแบบของการ Marketing แบบใหม่ เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่าน Blog สูงมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่าย สามารถโต้ตอบกันได้โดยตรง
การที่ใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น Buzz Marketing บางบริษัทอาจเลือกเจ้าของ Blog ให้เป็น presenter ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่นเสนอสินค้า ให้เจ้าของ Blog นำไปเขียนวิจารณ์หรือเขียนถึงใน Blog ของตนเป็นต้น
บางบริษัทใช้ Blog เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ PR ข่าวสารขององค์กร โดยการใช้ Blog เพื่อประกาศข่าวสารนั้น จะดูมีความเป็นกันเอง และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างเป็นมิตร เพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถฝาก comment หรือสื่อสารกับเจ้าของ Blog ได้ทันที ทำให้บริษัทเอง จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำ ที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีกด้วย บริษัทชั้นนำต่างเลือกที่จะใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดกันแล้ว โดยบางแห่งใช้ทั้ง Blog อย่างเป็นทางการของบริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียน Blog ของตนเองอีกด้วย โดยวิธีการนี้นับเป็นการทำการตลาด โดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีกด้วย
นอกเหนือจากองค์กรธุรกิจแล้ว บุคคลที่ทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม สามารถใช้ Blog เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงาน หรือขายสินค้าของตนได้อีกด้วยเช่น ช่างภาพ, ศิลปิน, นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดการ์ตูน , ร้านค้า , ฯลฯ

                            มีประโยชน์อย่างไรกับแวดวงธุรกิจในปัจจุบัน?

         1.เพื่อบริหารการจัดการความรู้ต่างๆ โดย Blog จะเป็นช่องทางให้ผู้อ่านหาข้อมูลที่ต้องการจาก Blog ต่างๆได้  โดยง่าย ขณะเดียวกันผู้เขียน Blog หรือ Blogger ก็สามารถค้นคว้าหาข้อมูล หรือ update ข้อมูลใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน หรือกลุ่มผู้บริโภคได้
         2.เป็นที่ติดต่อสือสารและแรกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลที่มีแนวความคิดเดียวกัน เช่น เมื่อเราเขียน Blog แล้วมีผู้สนใจในเนื้อหา อาจมีข้อสงสัยสามารถที่จะ comment ข้อสงสัยไว้ได้เพื่อต้องกานให้ผู้เขียน อธิบายหรือตอบปัญหาดังกล่าว
         3.เป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้อ่านและผู้เขียนคือผู้อ่านได้รับความรู้จากเรื่องที่ตนสนใจ และสามารถ comment เพื่อแสดงความคิดเห็นไว้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้อ่านและผู้เขียนทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ และทำความเข้าใจได้มากขึ้น
         4.เป็นแหล่งความรู้ที่หลากหลาย เป็นสิ่งสรุปข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาอ่านหา ความรู้ได้ง่าย มีการแสดงแนวคิดความคิดเห็นให้ ผู้อ่านได้ตัดสินใจ และเป็นแหล่งที่ ตั้งคำถามที่เราสงสัยเพื่อให้ผู้ที่มีความรู้เข้ามา comment บรรยาย ให้เราทราบได้อีกด้วย

แหล่งที่มา : pinniepost.blogspot.com/2012/06/weblog.html

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไรให้ปลอดภัย

1.การใช้ไฟร์วอลล์

ไฟร์วอลล์  คือ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ตรวจสอบข้อมูลซึ่งมาจากอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย แล้วทำการขจัดข้อมูลนั้นหรือปล่อยให้ข้อมูลนั้นผ่านเข้ามายังคอมพิวเตอร์ของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าไฟร์วอลล์ของคุณ ด้วยวิธีนี้ ไฟร์วอลล์จะช่วยป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์และซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณได้

ไฟร์วอลล์ Windows ติดตั้งอยู่ภายใน Windows และจะเปิดทำงานโดยอัตโนมัติ

วิธีการทำงานของไฟร์วอลล์

ถ้าคุณเรียกใช้โปรแกรม เช่น โปรแกรมข้อความโต้ตอบแบบทันที หรือเกมบนเครือข่ายแบบผู้เล่นหลายคน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย ไฟร์วอลล์จะถามคุณว่าต้องการจะบล็อกหรือยกเลิกการบล็อก (อนุญาต) การเชื่อมต่อนั้นหรือไม่ ถ้าคุณเลือกที่จะยกเลิกการบล็อกการเชื่อมต่อ ไฟร์วอลล์ Windows จะกำหนดข้อยกเว้นเพื่อว่าไฟร์วอลล์จะไม่รบกวนคุณเมื่อโปรแกรมนั้นจำเป็นต้องรับข้อมูลอีกในอนาคต

2.การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส

ไวรัส หนอน และม้าโทรจันเป็นโปรแกรมที่แฮกเกอร์สร้างขึ้น และใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อทำลายคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีการป้องกัน ไวรัสและหนอนจะจำลองตัวเองจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง ในขณะที่ม้าโทรจันจะเข้าสู่คอมพิวเตอร์ด้วยการซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ดูเหมือนเป็นปกติ เช่น โปรแกรมรักษาหน้าจอ โดยที่ไวรัส หนอน และม้าโทรจันที่สร้างความเสียหายจะลบข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ของคุณ หรือปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างสมบูรณ์ ตัวอื่นๆ อาจไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง แต่มีผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและความเสถียรของคอมพิวเตอร์ลดน้อยลงได้

โปรแกรมป้องกันไวรัสจะสแกนหาไวรัส หนอน และม้าโทรจันจากอีเมลและแฟ้มอื่นๆ ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ถ้าพบตัวใดตัวหนึ่ง โปรแกรมป้องกันไวรัสจะ กักกัน (แยก) หรือลบออกก่อนที่จะทำความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์และแฟ้มของคุณ

Windows ไม่มีโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบในตัว แต่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณอาจติดตั้งไว้ให้ หากไม่ได้รับการติดตั้ง มีโปรแกรมป้องกันไวรัสมากมายที่พร้อมให้ใช้งาน ทั้งนี้ Microsoft ขอเสนอMicrosoft Security Essentials โปรแกรมป้องกันไวรัสที่คุณสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์Microsoft Security Essentials นอกจากนี้ คุณสามารถไปที่เว็บไซต์เกี่ยวกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ความปลอดภัยของ Windows 7เพื่อค้นหาโปรแกรมป้องกันไวรัสของบริษัทอื่น

เนื่องจากมีการค้นพบไวรัสใหม่ๆ ทุกวัน จึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีความสามารถในการปรับปรุงอัตโนมัติ เมื่อโปรแกรมได้รับการปรับปรุง จะมีการเพิ่มไวรัสใหม่ๆ เข้าในรายการไวรัสที่จะตรวจสอบ จึงช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากการโจมตีใหม่ๆ ถ้ารายชื่อไวรัสไม่ทันสมัย คอมพิวเตอร์ของคุณจะเสี่ยงต่อการคุกคามใหม่ๆ โดยปกติการปรับปรุงจำเป็นต้องเสียค่าการสมัครใช้งานรายปี รักษาสถานะของการสมัครใช้งานให้เป็นปัจจุบันเพื่อจะได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ

3.การติดตั้งเว็บเบราว์เซอร์รุ่นล่าสุดและคอยปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ

การใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นล่าสุดและคอยปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาในขณะออนไลน์ ส่วนใหญ่แล้ว เว็บเบราว์เซอร์รุ่นล่าสุดจะมีการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและคุณลักษณะใหม่ๆ ที่ช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์และความเป็นส่วนตัวของคุณได้ในขณะที่คุณออนไลน์

นอกจากนี้ เว็บเบราว์เซอร์หลายรุ่นก็มีการปรับปรุงความปลอดภัยมานำเสนอเป็นระยะๆ ดังนั้น เมื่อมีการปรับปรุงใหม่พร้อมให้ใช้งานคุณควรติดตั้งให้กับเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ

หากคุณใช้ Internet Explorer คุณสามารถรับการปรับปรุงแบบอัตโนมัติโดยใช้ Windows Update ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ได้ตั้งค่าให้รับการปรับปรุงโดยอัตโนมัติ คุณสามารถขอรับการปรับปรุงเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองโดยใช้ Internet Explorer คลิกปุ่ม ความปลอดภัย แล้วคลิก Windows Update ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจหาการปรับปรุง

แหล่งที่มา : windows.microsoft.com/th-TH/windows…/What-is-a-firewall 

         

Google Apps คืออะไร มีประโยชน์และการใช้อย่างไร

Google Apps คือ อะไร และ ประโยชน์ของการใช้งาน

Google Apps คือ แอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Google เพื่อให้บริการทางด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งได้มีการรวมแอปพลิเคชัน ต่างๆ ที่ถือว่ามีความจำเป็นต่อองค์กรในปัจจุบันอันได้แก่

  • Gmail
  • Google Talk
  • Google Calendar
  • Google Documents เป็นต้น

ทั้งนี้เราสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ฟรี ซึ่งการติดตั้ง Google Apps เพื่อให้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ทำได้โดยการ configure MX Record พร้อมทั้ง CNAME ของ DNS server ทั้ง บน Windows และ Linux ทำให้ บริษัทหรือองค์กรต่างๆ สามารถใช้ email ในรูปแบบโดเมนของท่านเองได้ ผ่านระบบ Gmail server ซึ่งให้พื้นที่เก็บอีเมล์สูงถึง 7 GB ต่อ account และที่สำคัญไปกว่านั้น Google Apps ยังมีการจัดการเกี่ยวกับ Spam mail และ ไวรัส ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Google Apps ประโยชน์การใช้งาน

การประหยัดค่าใช้จ่ายที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

แอปพลิเคชันการส่งข้อความและการทำงานร่วมกันที่ทำงานแบบเว็บของ Google ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ และต้องการการดูแลระบบน้อยที่สุด สร้างเวลาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ

ผู้ใช้สามารถใช้งาน ส่วนติดต่อของ Microsoft Outlook ที่คุ้นเคยสำหรับอีเมล ที่อยู่ติดต่อ และปฏิทินได้ เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gmail และ Google ปฏิทิน

บริษัททำวิจัยชั้นนำพบว่า Google Apps มีค่าใช้จ่ายโดยรวมเพียง 1/3 ของค่าใช้จ่ายสำหรับโซลูชันคู่แข่ง

ต้องการดูใช่หรือไม่ว่าคุณสามารถประหยัดได้มากเพียงใดเมื่อใช้งาน Google Apps โดยเปรียบเทียบกับ Microsoft Exchange 2007 ประมาณการเงินที่คุณประหยัดได้

พื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม 50 เท่า

พนักงานแต่ละรายจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลอีเมลขนาด 25 กิกะไบต์ ดังนั้นจึงสามารถเก็บข้อมูลสำคัญและค้นหาได้ทันทีด้วยการค้นหาของ Google ที่มีอยู่ภายในระบบ

Gmail ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถลดเวลาในการจัดการกับกล่องจดหมายของตน และเพิ่มเวลาในการทำงาน คุณลักษณะที่ช่วยประหยัดเวลา ดังเช่น สายข้อมูลของข้อความ ป้ายกำกับข้อความ การค้นหาข้อความอย่างรวดเร็ว และการกรองสแปมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานกับอีเมลปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าถึงอีเมล ปฏิทิน และ IM บนโทรศัพท์มือถือ

ด้วยการใช้ตัวเลือกมากมายสำหรับการเข้าถึงข้อมูลขณะเดินทาง พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Google Apps แม้ว่าจะไม่อยู่ที่โต๊ะของตนก็ตาม

Google Apps สนับสนุนการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายในอุปกรณ์ BlackBerry, iPhone, Windows Mobile, Android และโทรศัพท์หลายประเภทที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เรียนรู้เพิ่มเติม

รับประกันความน่าเชื่อถือของความพร้อมในการทำงาน 99.9%

เรารับประกันว่า Google Apps จะมีความพร้อมในการทำงานอย่างน้อย 99.9% ดังนั้นพนักงานของคุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น และคุณจะกังวลใจน้อยลงเกี่ยวกับการหยุดทำงานของระบบ **

การจำลองข้อมูลแบบซิงโครนัส ทำให้ข้อมูลและกิจกรรมของคุณใน Gmail, Google ปฏิทิน, Google เอกสารและ Google Sites มีการเก็บรักษาไว้ในเวลาเดียวกันในศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยหลายแห่ง ถ้าศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งไม่สามารถตอบสนองคำขอของคุณ ระบบของเราได้รับการออกแบบให้เปลี่ยนกลับไปยังศูนย์ข้อมูลอีกแห่งซึ่งสามารถให้บริการบัญชีของคุณได้โดยที่ไม่เกิดการสะดุดขึ้น

Radicati Group พบว่าโดยปกติแล้ว Microsoft Exchange จะมีเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้กำหนดไว้เป็นเวลา 60 นาทีต่อเดือน ลูกค้าของ Google Apps พบว่าโดยปกติแล้วระบบจะหยุดทำงานน้อยกว่า 15 นาทีต่อเดือน อ่านเพิ่มเติม

ความปลอดภัยของข้อมูลและเป็นไปตามข้อกำหนด

เมื่อคุณวางใจที่จะมอบข้อมูลของบริษัทแก่ Google คุณสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของคุณจะปลอดภัย

ทีมงานรักษาความปลอดภัยข้อมูลของ Google ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล แอปพลิเคชัน และเครือข่าย มุ่งเน้นที่จะรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย Google และลูกค้าอื่นๆ จำนวนมากวางใจใช้ระบบนี้กับข้อมูลบริษัทที่มีความสำคัญสูง เรียนรู้เพิ่มเติม

ธุรกิจสามารถรับคุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่สามารถปรับแต่งได้เหล่านี้กับ Google Apps:

  • เครื่องมือการกรองสแปมและอีเมลขาเข้าที่กำหนดเอง ขับเคลื่อนโดย Postini เพื่อเสริมตัวกรองสแปมที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำงานโดยอัตโนมัติและไม่ต้องกำหนดค่าใดๆ
  • เครื่องมือการกรองอีเมลขาออกที่กำหนดเองเพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญจากการถูกเผยแพร่ ซึ่งขับเคลื่อนโดย Postini
  • กฎการแบ่งปันข้อมูลที่กำหนดเองเพื่อระบุขอบเขตที่พนักงานได้รับอนุญาตให้สามารถแบ่งปันด้วย Google เอกสาร, Google ปฏิทิน และ Google Sites
  • ข้อกำหนดความยาวของรหัสผ่านที่กำหนดเองและเครื่องแสดงความเข้มงวดด้วยภาพที่จะช่วยให้พนักงานเลือกรหัสผ่านที่ปลอดภัย
  • การเชื่อมต่อ SSL ที่บังคับใช้กับ Google Apps เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึง HTTPS อย่างปลอดภัย
  • การเก็บอีเมลแบบถาวรซึ่งเป็นตัวเลือก สามารถเก็บรักษาได้ถึง 10 ปี

การควบคุมการดูแลระบบและข้อมูลแบบสมบูรณ์

ผู้ดูแลระบบสามารถปรับแต่ง Google Apps ในเชิงลึกเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านเทคนิค ตราสินค้า และธุรกิจของตนได้

ตัวเลือกการผสานรวมจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ Google Apps กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีอยู่ของคุณ

  • API การลงชื่อเพียงครั้งเดียวจะเชื่อมต่อ Google Apps กับระบบการตรวจสอบสิทธิ์ที่มีอยู่ของคุณ
  • เครื่องมือและ API การจัดสรรสำหรับผู้ใช้จะเชื่อมต่อ Google Apps กับระบบไดเรกทอรีผู้ใช้ที่มีอยู่ของคุณ
  • การสนับสนุนการกำหนดเส้นทางอีเมลและเกตเวย์อีเมลจะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Google Apps ควบคู่ไปกับโซลูชันอีเมลที่มีอยู่
  • เครื่องมือและ API การโอนย้ายข้อมูลอีเมลจะทำให้คุณสามารถนำอีเมลจากโซลูชันอีเมลที่มีอยู่ของคุณไปยัง Google Apps

การกำหนดตราสินค้าของระบบและความเป็นเจ้าของข้อมูลเป็นการกำหนดรูปลักษณ์ของ Google Apps ให้เป็นแบบของคุณเอง ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะเป็นเจ้าของข้อมูลพนักงาน

  • กำหนดบัญชีผู้ใช้ด้วยตนเองในโดเมนอินเทอร์เน็ตของบริษัทของคุณ
  • โลโก้และสีที่กำหนดเองในแอปพลิเคชัน
  • การเป็นเจ้าของข้อมูลพนักงานของลูกค้าตามสัญญา

การสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงที่เป็นประโยชน์

Google Apps มีความน่าเชื่อถือในระดับสูงและทำงานได้อย่างง่ายดาย แต่การสนับสนุนมีให้สำหรับผู้ดูแลระบบ หากคุณต้องการใช้งาน

แหล่งที่มา : zolomoe.exteen.com/20120617/google-apps 

Cloud Computing คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจในปัจจุบัน

Cloud Computing คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ

Cloud Computing คืออะไร

คือ วิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบCloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้ ทั้งนี้ระบบสามารถเพิ่มและลดจำนวนของทรัพยากร รวมถึงเสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยว่าการทำงานหรือเหตุการณ์เบื้องหลังเป็นเช่นไร

ประโยช์ของ Cloud Computing ต่อธุรกิจ

1.ลด ต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษาเนื่องจากค่าบริการได้รวมค่าใช้จ่ายตามที่ใช้งาน จริง เช่น ค่าจ้างพนักงาน  ค่าซ่อมแซม ค่าลิขสิทธิ์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอัพเกรด และค่าเช่าคู่สาย เป็นต้น
2.ลดความเสี่ยงจากการเริ่มต้นหรือทดลองโครงการ
3.มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดระบบตามความต้องการ
4.ได้เครื่องแม่ข่ายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี มีเครือข่ายความเร็วสูง
5.มีผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบและพร้อมให้บริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง

แหล่งที่มา : zolomoe.exteen.com/20120617/cloud-computing 

เปรียบเทียบอิทธิพลของ Social media กับ Traditional media

อิทธิพลของ Social media กับ Traditional media

          Social media คือ การสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารในรูปแบบใหม่ที่มีการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถสื่อสารได้ 2 ทาง เช่น facebook e-mail youtube


 Traditional media  คือ  การสื่อสารส่งข้อมูลในรูปแบบเดิมที่ไม่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ท ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว เช่น ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์

ในปัจจุบัน socail media เข้ามามีอิทธิพลต่อมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้กันทุกบ้าน social media มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเราในทุกๆวัน เช่น

– การตื่นเช้ามาอย่างแรกที่จะทำคือการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็ค facebook หรือข่าวสารต่างๆ

– การโฆษณาทาง social media มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

– หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในประเทศไทย ให้บริการ News Content และมีเนื้อที่สำหรับการโฆษณาออนไลน์        ด้วย หรือจะอ่านหนังสือพิมพ์แบบ e-Newspaper ได้โดยผ่าน Digital Device ต่างๆ

-โทรทัศน์ก็สามารุถเข้าไปชมรายการย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ช่องต่างๆ เราสามารถเลือกดูรายการที่เราพลาดชม หรือเลือกดูรายการโปรดได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดตอนจบของดอกส้มสีทอง
-วิทยุก็กลายเป็นโทรทัศน์หรือเป็นเคเบิลทีวี เราสามารุฟังรายการวิทยุจากเว็บไซต์ หรือชมผ่านโทรทัศน์ก็ได้ ในขณะเดียวกันโทรทัศน์เองก็รายงานข่าวทั้งโทรทัศน์เองด้วยและก็ออกอากาศทางวิทยุ รวมถึงสามารถชมรายการสดๆทางอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย
จากตัวอย่างต่างๆพบว่า อัตราการเติบโตใน Social Media มีสูงกว่าสื่อ Traditional Media

     แหล่งที่มา : www.surveymonkey.com/s.aspx?PREVIEW_MODE..